ให้ความช่วยเหลือในภาวะวิกฤต
เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ
และน้ำมือมนุษย์

เครือข่ายสายด่วน 1387 ทั่วประเทศของ มูลนิธิสายเด็ก1387 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมาก และมีฐานะเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรับมือภาวะวิกฤตของชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย

ประชาชน ชุมชน และหน่วยงานของภาครัฐทั่วประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมในการจัดการกับภัยพิบัติทั้งจากธรรมชาติและจากฝีมือมนุษย์ (เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม และการก่อการร้าย) และ มูลนิธิสายเด็ก1387 ทำงานอย่างหนักในการสร้างและรักษาไว้ซึ่งเครือข่ายความช่วยเหลือ

crisis

ประโยชน์ของสายด่วน 1387 ในฐานะเป็นเครื่องมือในยามวิกฤต

สายด่วน 1387 เป็นระบบสารสนเทศในภาวะวิกฤตที่ให้บริการสำคัญคือการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูล ก่อน ระหว่าง และหลังจากเกิดวิกฤตในชุมชน จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีระบบสารสนเทศที่พร้อมในการตอบสนองต่อการโทรฯ แจ้งเหตุฉุกเฉิน

สายด่วน 1387 มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมและมีประสบการณ์พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างเกิดวิกฤต เพื่อส่งต่อผู้โทรฯ ไปยังบริการที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของพวกเขา นอกเหนือจากการตอบสนองต่อเหตุการณ์วิกฤตในช่วงฉุกเฉิน

โครงการที่ผ่านมาเกี่ยวกับเหตุฉุกเฉินของ มูลนิธิสายเด็ก 1387

2547 ในเดือนธันวาคมเป็นครั้งแรกที่มีการโทรฯ เข้ามูลนิธิสายเด็ก 1387 เนื่องด้วยประเทศไทยประสบกับภัยภิบัติทางธรรมชาติ “สึนามิ” มรว. สุพินดา จักรพันธุ์ (ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสายเด็ก 1387) ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีกับหน่วยงานในพื้นที่ และได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานผู้ประสบภัยนานาชาติ (International Victim Coordination Center (IVCC)) ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

2549 ในเดือนพฤษภาคม เป็นอีกครั้ง ที่มูลนิธิฯ ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยฉุกเฉิน ดินโคลนถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน ในช่วง24 ชั่วโมง ฝนตกหนักถึง 330 มม (13 นิ้ว) ทำให้ทำให้คนเสียชีวิตนับร้อยราย และอีกหลายพันคนไม่มีที่พักอาศัย การสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดถูกตัดขาด พื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดคืออำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์